Web Analytics Made Easy - Statcounter
Menu Close

เริ่มการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ของวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก “KD-382”


ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ KM Biologics Co., Ltd. และ Meiji Seika Pharma Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเริ่มต้นการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 ของวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ครบทั้ง 4 สายพันธุ์ (KD-382) ในประเทศไทย

รายละเอียดวัคซีน KD-382

  • วัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ครบ 4 สายพันธุ์ (tetravalent live attenuated)
  • ไม่ใช่วัคซีนตัดต่อพันธุกรรม แต่ใช้เชื้อไวรัสเดงกีอ่อนฤทธิ์ทั้ง 4 เซโรไทป์ (DENV-1 ถึง DENV-4)
  • มีทั้งโปรตีนโครงสร้างและไม่ใช่โครงสร้าง → กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียงการติดเชื้อตามธรรมชาติ
  • คาดว่าจะกระตุ้นได้ทั้ง ภูมิคุ้มกันแอนติบอดี (neutralizing antibody) และ ภูมิคุ้มกันเซลล์ (cell-mediated immunity)
  • ลดความเสี่ยงการเกิด ADE (Antibody-Dependent Enhancement)

วัตถุประสงค์ของการศึกษา

  • ศึกษาความปลอดภัยและการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (immunogenicity)
  • กำหนดขนาดวัคซีนที่เหมาะสม (dose setting)

ผู้เข้าร่วมการวิจัย

  • รวม 680 คน
    • ผู้ใหญ่ 200 คน (อายุ 18–64 ปี)
    • เด็ก 480 คน (อายุ 2–17 ปี)

รูปแบบการทดลอง

  • Multicenter, randomized, double-blind, placebo-controlled
  • ใช้การออกแบบ age de-escalation (ลดอายุกลุ่มตัวอย่างทีละขั้น) และ dose-escalation (เพิ่มขนาดวัคซีนทีละขั้น)
  • กลุ่มเด็กนำร่อง (sentinel cohort) จะเป็นแบบเปิดเผย (open-label)
  • การให้วัคซีน: ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังเพียง 1 ครั้ง ในขนาด High dose / Standard dose / Placebo

สถานที่และการขยายผล

  • การทดลองเริ่มต้นที่ ประเทศไทย
  • มีแผนขยายไปยังประเทศที่ไม่ใช่เขตชุกชุมของโรค (non-endemic countries)

ความสำคัญของโรคไข้เลือดออก

  • พบการระบาดในกว่า 120 ประเทศ ในเขตร้อนและกึ่งร้อนชื้น
  • ประชากรโลกกว่า 3.9 พันล้านคน (ประมาณ 50%) เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ผู้ติดเชื้อใหม่ปีละ 100–400 ล้านคน

ข้อมูลก่อนหน้า

  • ผลการทดลองระยะที่ 1 (ออสเตรเลีย): ยืนยันว่า วัคซีนมีความปลอดภัย ทนต่อการฉีดได้ดี และกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสนับสนุนทุนวิจัย

  • โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Japan Agency for Medical Research and Development (AMED) – SCARDA ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและโมดาลิตีใหม่

สรุป

วัคซีน KD-382 เป็นความก้าวหน้าสำคัญด้านการป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยออกแบบให้ฉีดเพียงครั้งเดียว ครอบคลุมเชื้อทั้ง 4 สายพันธุ์ และคาดว่าจะให้ภูมิคุ้มกันยาวนานพร้อมลดความเสี่ยงจาก ADE ขณะนี้การทดลองระยะที่ 2 ได้เริ่มในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งผู้ใหญ่และเด็ก รวม 680 คน